นี่คือดอกตะเกาครับผม เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วล่ะครับ กว่าจะได้ขนาดนี้ไม่ง่ายเลยครับ ผมและเด็กๆผ่านสมรภูมิรบนับไม่ถ้วน มีหลายคนที่เข้าใจ และมีอีกหลายคนที่ไม่เข้าใจ มีมากมายหลายร้อยคำถามจากเด็กๆที่ต้องการจะสืบสานภูมิปัญญา ผมครูป่วนและครูบูรณ์ ก็เต็มที่กับการให้ความรู้เด็กๆครับ เดือนเมษายาอากาศร้อน บวกกับการต้องอยู่หน้าเตาตลอดเวลา แต่ผมกลับไม่เห็นความเหน็ดเหนื่อยจากเด็กๆเลยครับ สิ่งที่ผมเห็นคือ แววตาที่มีความมุ่งมั่นและความตั้งใจ เมื่อไม่เข้าใจสิ่งไหน เขาก็จะถามทันที นี่แหละครับคือสิ่งที่คุณครูอย่างเราๆต้องการ
เมื่อเด็กดัดดอกเสร็จแล้วก็นำเกลียวมาใส่
ก่อนที่เราจะนำเกลียวไปใส่บนดอก เราต้องทำการบัดกรีก่อนครับ โดยใส่เชื้อบัดกรีนิดเดียวพอครับ
เราใส่ห่วงทั้งสองห่วงได้แล้ว
นี่คือดอกตะเกาก่อนที่เราจะนำไปประกอบจนได้ภาพแรกที่ผมนำเสนอครับ
เด็กๆเค้าชอบเล่นไฟครับ
เขากำลังใช้สมาธิในการทาเชื้อบัดกรีครับ
ผมอาจจะประมวลภาพได้ไม่เก่งสักเท่าไหร่นะครับ แต่สิ่งที่ผมอยากจะนำเสนอคือ ความตั้งใจในการทำงานของเด็กๆ ผมภูมิใจมากๆเลยครับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทอดวัฒนธรรมอันล้ำค่าของจังหวัดสุรินทร์เรา วันนี้ผมขอเขียนบทความเพียงเท่านี้น่ะครับ ผมขอตัวไปดูรายการ "คืนความสุข ให้คนในชาติ"ของท่านนายกรัฐมนตรีก่อน สำหรับวันนี้สวัสดีครับ ฝันดีน่ะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น